Home » » History Ragnarok 2

History Ragnarok 2

Written By nchinnavong on วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 | 07:54


History


      Freyja ครั้งหนึ่งเป็นเทพธิดาผู้งดงามและรักซึ่งชีวิต หากแต่พระนางกลับกลายเป็นเทพธิดาแห่งการทำลายล้าง คลุ้มคั่งแค้น หมายจะแก้แค้นต่อพระสวามี Odin ผู้ได้ทรยศพระนางด้วยการเนรเทศพระนางออกจากแดนแห่งทวยเทพ Asgard สร้างปมความแค้นให้พระนางมุ่งหมายจักทำลายทุกสิ่งที่ Odin ได้รังสรรค์มา รวมถึง Midgard ด้วย

      ในวันแห่งการแก้แค้นของ Freyja ที่รู้จักในนาม “ Day of Despair ” (วันแห่งความสิ้นหวัง) Freyja และ Valkyry ทั้ง 12 ของพระนาง เริ่มทำการหลอมละลายตกผลึกวารีและอัคนีเพื่อทำลายโลกใบนี้ หากแต่ในวันสุดท้ายก่อนทวีป Midgard จักสูญสิ้นนี่เอง หนึ่งวีรบุรุษหนุ่มหาญกล้านาม Chaos ผู้เป็นร่างกลับจุติใหม่ของ Baldur ได้รวบรวมพลพรรคสารพันเข้ามาลุกขึ้นต่อสู้และช่วยเหลือโลกใบนี้ไปได้ พร้อมกับผนึกเทพธิดา Freyja ไว้ใน Vanaheim แดนต่างโลก


     หลังวันแห่งความสิ้นหวังล่วงเลยพ้นผ่าน ชีวิตกลับงอกเงยเริ่มใหม่ ผู้คนร่วมกันสร้างราชอาณาจักร “Rune-Midgarts” ใหม่ขึ้นมา ผู้สืบสันติวงศ์อย่าง Tristan Geoborg เอง ได้สาปสูญหายไปในช่วงวันแห่งความสิ้นหวัง ทำให้การปกครองแห่งราชวงศ์ Geoborg มีอันต้องล่มสลายลง ส่วนการปกครองขององค์กษัตริย์ Pior พระองค์ใหม่ก็หายั้งยืนยงไม่ ในไม่ช้าพระองค์ได้ถูกทรงบังคับให้สละราชสมบัติ จากแรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจของอาณาจักร นำพาไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แต่เดิมลง พร้อมกำเนิดราชอาณาจักรใหม่เป็นสาธารณรัฐ แห่ง Midgarts ภายใต้การปกครองแห่งประธานาธิบดี Witold Schurt

     ไม่นานหลังจากนั้น เกิดสงครามครั้งใหม่อุบัติขึ้นกับสาธารณรัฐแห่ง Midgarts จากการค้นพบทวีปแห่งใหม่จากหยาดน้ำตาของ Ymir ทวีปที่ถูกเรียกว่า Svartalf ในบั้นปลาย สาธารณรัฐแห่ง Midgarts ได้สูญสิ้นซึ่งเอกราช และตกเป็นเพียงรัฐภายใต้อาณัติของทวีป Svartalf เท่านั้น

20 ปีล่วงเลยพ้นผ่าน.... 

     เกิดการเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของทวีป Midgard ขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การนำของ Ignatz Geoborg ผู้ถูกรู้จักในฐานะแห่งผู้สืบสันตติวงศ์จากองค์ Tristan พระองค์ทรงประกาศกร้าวซึ่งฐานะแห่งเลือดขัตติยะ เพื่อรวบรวมแรงสนับสนุนจากทั่วทั้งทวีป Midgard จนสามารถนำพาอิสรภาพกลับมาได้ และนำพาไปสู่การก่อตั้งราชอาณาจักร Rune-Midgart ขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงเวลาแห่งสันติภาพและความสงบสุขได้ล่วงเลยพ้นผ่านไป เรื่องราวของวันแห่งความสิ้นหวังก็ดี เรื่องราวของ Freyja ก็ดี ทั้งหมดนี้เหลือไว้แต่เพียงตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา...

      ไกลโพ้นไปยังเขตภูเขา Mjolnir 
ตั้งอยู่ซึ่ง Prontera นครหลวงแห่งราชอาณาจักร Rune-Midgarts มีกระทาชายนาม Siegfried ผู้สืบสายโลหิตมาจากจอมปราชญ์ Sigmund ผู้ก่อตั้งนครมนตรา Geffen ในอาณาจักร Rune-Midgarts โบราณ หากแต่เขาได้ถูกขับไล่เนื่องจากการมีความคิดเห็นนอกรีตขัดกับบรรดาปราชญ์ นักวิชาการอื่นๆ Siegfried ใคร่สนใจในการวิทยาศาสตร์เหนืออาคมมนตรา แต่กระนั้นเขาก็ปรารถนายิ่งจะครอบครองพลังเวทมนตร์ มากกว่าจะเชื่อในพลังแห่งธรรมชาติ ซึ่งประชาชนชาวเมือง และนักวิทยาศาสตร์มากมายที่ชื่นชมในความเป็นผู้นำของ Siegfried ก็พร้อมติดสอยห้อยตามเขาที่ถูกขับไล่ ไปยังดินแดนทวีปใหม่ ในการเดินทางที่แสนยาวนานนั้นด้วย


     พวกเขาก็ได้พบกับ Heilong Ashkaron ผู้พี่น้องกับ Saryong Jormungand ผู้พำนักอยู่ ณ สถานแห่งนั้น Siegfried ได้ใช้ Balmung ดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตกทอดมาหลายชั่วรุ่น โค่นล้ม Ashkaron ลง และสถาปนาจักวรรดิ Ashkaron ขึ้นมา หากแต่จักวรรดินี้กลับกลายเป็นเหตุแห่งความยากจนข้นแค้น และความอดอยากที่แผ่กระจายไปทั่วทังทวีป และมีเพียงผลการวิจัยของ Siegfried เท่านั้นที่ทำให้เขาและพลพรรคยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ความสนใจในวิทยาศาสตร์ได้นำพาให้จักวรรดิ Ashkaron เจริญรุดหน้าอย่างก้าวกระโดด และเปลี่ยนกลับกลายเป็นดินแดนที่เข้มแข็งที่สุดในบรรดาทวีปทั้งปวง
     วันหนึ่ง ในเขตรอบนอกของจักวรรดิ เกิดรอยแยกของมิติขึ้น รอยแยกของมิตินี้ใหญ่ขนาดเทียบเท่าปราสาทหลังใหญ่ๆ ของจักรวรรดิ ก็ว่าได้ เกิดการแห่แหนออกมาของปีศาจจากต่างมิติ ที่ในไม่ช้าได้เปิดฉากสงครามอันแสนดุเดือดกับ Ashakron "Reginleif" Valkyrie ที่เปี่ยมพลานุภาพที่สุดในบรรดามวลหมู่ Valkyrie ทั้ง 12 ที่ได้ถูกผนึกไปพร้อมๆ กับ Freyja ที่ Vanaheim จากการศึกคราสุดท้าย ได้ปรากฏตัวกลับมาอีกครั้ง และนำพาความล่มสลายมาให้กับจักรวรรดิ Ashkaron พร้อมๆ กับบรรดาปีศาจที่กระจายออกไปทั่วทวีป Ashkaron ในกาลต่อมา

      การล่มสลายของจักรวรรดิ Askaron 
นำพาภัยพิบัติมาสู่ราชอาณาจักร Rune-Midgarts ใกล้เคียง และหลังจากความพยายามอันยาวนาน ในที่สุดบรรดาจอมเวทย์ก็สามารถผนึกรอยแยกเอาไว้ได้สำเร็จ พร้อมการจลงมติดำเนินการสืบสวนพิเศษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ในวันฝนตกวันหนึ่ง สงฆ์นาม Edwin ผู้ก่อตั้งอาสนวิหารแห่ง Prontera ได้เข้ามาหลบฝนในถ้ำแห่งหนึ่ง ที่นั่น เขาได้พบกับสตรีที่ตั้งครรภ์อยู่หนึ่งนาง หากแต่ในยามที่เขาพบกับนางนั้น นางก็ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วจากการหนาวตาย แต่ที่นั่น Edwin ได้พบทารกน้อยหายใจระรวยแนบชิดอยู่กัยหน้าอกของนาง Edwin ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าในพระเมตตาของพระองค์ ก่อนจะนำทารกดังกล่าวมาอุปถัมภ์ พร้อมตั้งนามเรียกขานนางว่า "Aione"


     High Knight Zeras Hypherion แห่ง Prontera ได้นำพากองกำลังของเขาบุกไปยังฐานของลัทธิ Freyjanity เพื่อช่วยเหลือบรรดาเด็กๆ ที่ถูกลักพาตัวไปกลับมา ที่สถาบันวิจัยที่นั่น เต็มไปด้วยเครื่องมือการทดลองที่แลดูแปลกตา ที่ได้ใช้กระทำการทดลองแสนอุบาทว์สารพันรูปแบบกับบรรดาเด็กๆ แต่เพราะความช่วยเหลือของ Zeras Hyperion นี่เอง เด็กๆ ทั้งหลายก็สามาถกลับบ้านของตนได้อย่างปลอดภัย ส่วน Zeras Hyperion เอง ภายหลังก็ขึ้นเป็นผู้นำทัพอัศวินแห่งกองพันอัศวิน Prontera Knightage

     กษัตริย์ Reinhard องค์ปัจจุบัน ได้เป็นผู้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์ Jormungand ที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นในราชวงศ์ Geoborgพระองค์ได้รุดหน้าไปยังภูเขา Mjolnir ร่วมกับกองกำลังอัศวิน พร้อมกับผู้นำแห่งราชอัศวิน เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดา ปีศาจที่อยู่เลยภูเขาดังกล่าวไป แต่ไม่นานหลังจากนั้น พระองค์ก็หายตัวไป.. 

      การสาปสูญขององค์เหนือหัวและสายเลือดขัตติยะแห่งราชวงศ์ทำให้เกิดผลกระทบเป็นระลอกคลื่นไปยังทั่วทั้งราชอาณาจักร องค์ราชินี Kamil ผู้มีสิทธิ์อย่างเต็มเปี่ยมในการสถาปนากษัตริย์พระองค์ต่อไป ปรารถนายิ่งจะแต่งตั้ง Eckhard Geoborg พระอนุชาของค์ษัตริย์ Reinhard ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไป Eckhard Geoborg ได้เข้าควบคุมสถานการณ์และปราบปรามมวลชนลงด้วยกำลังทางทหาร และเมื่อรวมกับอิทธิพลทางการเมืองของ องค์ราชินี Kamil ที่พระนางมีแล้ว ความระส่ำระสายทั้งหมดก็ได้ยุติลง พร้อมกับการขึ้นครองราชย์ขององค์ Eckhard Geoborg 

     ไม่นานหลังการขึ้นครองราชย์ ราชองครักษ์ Sir Kurk Graham ผู้เป็นผู้นำของทัพอัศวินในสมัยการครองราชย์ของกษัตริย์ Reinhard ก็ได้ลงมือประกอบอัตวินิบาตกรรม ปลิดชีพตัวเองลง ซึ่งนั่นนำไปสู่ข่าวลือที่แพร่สะพัดว่า Sir Kurk Graham เอง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของพระองค์ หรือเป็นแม้แต่ ผู้ปลงพระชนม์พระองค์เอง

     Freyjanity กลุ่มความเชื่อที่อุบัติขึ้นมาท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวายนี่เอง ได้ก้าวขึ้นมาในฐานะศาสนาใหม่แห่ง ศาสนจักร Arunafeltz โดยมีเป้าประสงค์ความเชื่อหลักในการอุทิศบูชาเทพธิดา Freyja และเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับมาของพระนาง มีขาวลือเรื่องฉาวโฉ่แพร่กระจายถึงเรื่องอันไม่สู้ดีเกี่ยวกับกลุ่มศาสนาใหม่นี้ หากแต่ทางราชอาณาจักรยังประเมินว่ากลุ่มศาสนานี้ยังไม่ใช่กองกำลังทางหทารที่มีภัยคุกคามแต่อย่างใดไม่ จึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ณ กาลนั้น

     ได้มีรายงานได้ถูกส่งมายังราชอาณาจักรเรื่องรอยแยกมิติที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้คราวนี้จะไม่ใช่รอยแยกที่มีขนาดใหญ่เท่าครั้งก่อน แต่พลังงานแปลกๆ และสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ ก็ได้ผ่านเข้ามายัง Midgard ได้ ราชอาณาจักรรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการออกประกาศไปทั่วทั้ง Midgard รับสมัครอาสาสมัครบรรดานักผจญภัยจากทั่วหล้า ให้มารวมตัวกันที่ Prontera เพื่อร่วมกันปกป้อง Midgard จากการคุกคามของมหันตภัยครั้งใหม่นี้

      แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น....
Share this article :

แสดงความคิดเห็น

 
Copyright © 2011. Ragnarok 2 Thailand - All Rights Reserved
Proudly powered by Blogger